การร้อยไหม คืออะไร?
การร้อยไหม คือเทคนิคทางการแพทย์ที่นำมาใช้ยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูสภาพผิว และปรับรูปหน้าให้ได้รูปมากขึ้น ทำได้โดยการใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง ซึ่งไหมที่ใช้ร้อยจะมีเงี่ยงเล็ก ๆ ทำหน้าที่คล้ายตะขอคอยเกี่ยวดึงผิวขึ้นตามทิศทางของการร้อยไหม ทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยเกิดการยกกระชับขึ้น
การร้อยไหมมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลี หลักการของเทคนิคนี้คือการนำเส้นไหมเล็ก ๆ จำนวนมากมาร้อยเป็นเครือข่าย หลังจากร้อยเส้นไหมเข้าสู่ผิว ใต้ผิวหนังบริเวณนั้นจะถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบจนสร้างเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ มีผลให้เซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตเส้นใยคอลลาเจนถูกกระตุ้นให้สร้างเส้นใยคอลลาเจนมาพันรอบแนวเส้นไหมตามไปด้วย โดยกระบวนการนี้จะทำให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า ส่งผลให้ใบหน้าเต่งตึงและกระชับ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้มาเลี้ยงชั้นผิวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เส้นไหมที่ใช้ร้อยไหม คือเส้นไหมอะไร?
เส้นไหมที่นิยมใช้ร้อยไหมมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แบ่งได้ตามวัสดุที่ทำ ได้แก่
- PDO (Polydioxanone)
- PLLA (Polylactate)
- PCL (Polycaprolactone)
ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ล้วนผ่านการรับรองมาตรฐานจาก FDA ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผล แต่วัสดุชนิดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือเส้นไหมที่ทำมาจาก Polydioxanone (PDO) ซึ่งไหมชนิดนี้เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ทำศัลยกรรมเย็บเส้นเลือดหัวใจ ทำให้มีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อยมาก จึงไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายเลยค่ะ
การร้อยไหม เหมาะกับใครบ้าง?
การร้อยไหม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 39-50 ปี หรือผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือผู้ที่ต้องการปรับรูปให้เรียวสวยมากขึ้น
แต่ทั้งนี้ การร้อยไหมจะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิวหนักมาก ดังนั้นในเคสของผู้สูงอายุที่ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อยสูง การร้อยไหมอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่าที่ควรค่ะ
ข้อดีของการร้อยไหม คืออะไร?
นอกจากจะต้องทำความรู้จักว่าการร้อยไหม คืออะไรแล้ว การศึกษาข้อดีและข้อเสียของหัตถการก็สามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเช่นกันค่ะ ซึ่งข้อดีของการร้อยไหม คือ
- สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ เนื่องจากเงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะทำหน้าที่เกี่ยวผิวดึงขึ้นได้ทันที
- หากร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง เช่น ร้อยในแนวที่ถูกต้อง ร้อยในชั้นผิวที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยประคองและยกกระชับผิวได้คล้าย ๆ กับเส้นเอ็นที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติบนใบหน้า
- ไหมละลายที่ใช้สามารถละลายได้หมดร้อยเปอร์เซ็นต์ตามระยะเวลา จึงไม่ทิ้งสารตกค้างหลังทำ
- หากอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยลดโอกาสในการเกิดรอยช้ำหลังร้อยไหมได้เยอะมาก
- สามารถใช้แก้ไขริ้วรอยเล็ก ๆ ในบางจุดได้
ความเสี่ยงหากเลือกคลินิกร้อยไหมได้ไม่ดี
-
- หากร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้บริการกับแพทย์ที่ขาดความชำนาญ ก็จะมีโอกาสเกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหมได้
- มีโอกาสเกิดพังผืดใต้ผิว ในกรณีที่ร้อยในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากแพทย์ขาดความชำนาญ
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นไหมที่ใช้ ซึ่งส่วนมากจะอยู่ได้นาน 6-8 เดือน
- อาจมีอาการบวมช้ำหลังทำจากอาการเลือดออกใต้ผิวหนัง หรืออาจบวมจากการฉีดยาชา ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 7-14 วัน
โดยสรุปแล้ว การร้อยไหม คือหัตถการที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าและยกกระชับผิวอย่างได้ผลดี เพียงแค่ต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เลือกใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และเลือกชนิดเส้นไหมที่ผ่านการรับรองว่าปลอดภัย สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีปรับหน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด การร้อยไหมก็เป็นอีกหัตถการหนึ่งที่เราแนะนำเป็นอย่างมากเลยค่ะ
หากคุณกำลังสนใจบริการร้อยไหมเพื่อปรับรูปหน้า For V Clinic ยินดีให้บริการ เราคือคลินิกเสริมความงามคุณภาพ ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล สามารถให้คำปรึกษา และช่วยแนะนำบริการเสริมความงาม พร้อมใช้เทคนิคเฉพาะทางที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณได้ สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
For V Clinic หรือแฟนเพจเฟซบุ๊ก
For V Clinic ศัลยกรรมจมูก คาง ปลูกผม ปรับรูปหน้า ผิวขาวใส ฟิลเลอร์