โบท็อกโหนกแก้มคืออะไร ช่วยลดโหนกแก้มได้จริงหรือ
โบท็อกโหนกแก้ม คือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A) เข้าไปบริเวณโหนกแก้มเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ (zygomaticus) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้บริเวณโหนกแก้มมีขนาดเล็กลงได้
แต่หากจะถามว่าโบท็อกใช้ลดขนาดโหนกแก้มได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าโบท็อกมีคุณสมบัติออกฤทธิ์ได้กับกล้ามเนื้อเท่านั้น ตราบใดที่โหนกแก้มของเราโดดเด่นด้วยสาเหตุของขนาดกล้ามเนื้อ โบท็อกก็จะสามารถลดขนาดโหนกแก้มของเราได้จริงค่ะ ดังนั้นก่อนเข้ารับบริการ เราจำเป็นต้องให้แพทย์ช่วยประเมินใบหน้าก่อนเสมอ เพื่อวิเคราะห์ว่าโหนกแก้มของเราโดดเด่นด้วยสาเหตุใด เพื่อจะได้แนะนำวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดค่ะ
แล้วโหนกแก้มของคนส่วนใหญ่ใช่กล้ามเนื้อหรือไม่? หากวิเคราะห์ตามหลักกายวิภาคบนใบหน้า โหนกแก้มของคนเราจะประกอบไปด้วยชั้นผิว ชั้นไขมัน กล้ามเนื้อ และกระดูก บางคนโหนกแก้มเด่นเพราะมีชั้นไขมันบริเวณนั้นมาก บางคนโหนกแก้มโดดเด่นจากปัญหาโครงสร้างกะโหลกศีรษะ และบางคนก็โหนกแก้มเด่นเพราะมีกล้ามเนื้อบริเวณนั้นเยอะ ดังนั้นหลังให้แพทย์ช่วยวิเคราะห์รูปหน้า หากพบว่าโหนกแก้มของเราโดดเด่นเพราะมีมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ ก็สามารถใช้โบท็อกกล้ามเนื้อเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไปได้ค่ะ
นอกจากนี้ โหนกแก้มของแต่ละคนยังสามารถโดดเด่นได้ด้วยปัจจัยเสริมที่แตกต่างกันออกไป เช่น คนที่มีขมับตอบ แก้มตอบ จะยิ่งส่งให้โหนกแก้มดูเด่นยิ่งกว่าเดิม ในกรณีนี้อาจจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาตรงส่วนนั้น ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้ภาพรวมของใบหน้าออกมาสมูทมากที่สุด เช่น การฉีดโบท็อกโหนกแก้มร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับหรือฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นต้น
โบท็อกโหนกแก้ม กี่วันเห็นผล ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม
หลังฉีดโบท็อกลดโหนกแก้มจะเริ่มเห็นผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยจะสังเกตได้ว่ากล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้มค่อย ๆ นิ่มลง มีขนาดเล็กลง และผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน นั่นเพราะสารโบท็อกสามารถสลายออกจากร่างกายได้เองตามธรรมชาติ หลังโบท็อกสลาย โหนกแก้มของเราก็จะค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนตอนก่อนฉีด แต่สามารถฉีดเติมได้เรื่อย ๆ ทุก 3-6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ไว้โดยไม่เป็นอันตรายค่ะ
เช็กก่อนฉีด โหนกแก้มของเราฉีดโบท็อกโหนกแก้มได้ไหม
บางคนอาจจะยังลังเลว่าโหนกแก้มของตัวเองนับว่าใหญ่ไหม ฉีดโบท็อกโหนกแก้มแล้วจะคุ้มหรือเปล่า วันนี้เราจึงนำวิธีเช็กเบื้องต้นมาฝากกันค่ะ เริ่มแรกเลยคือให้ถ่ายรูปเซลฟี่หน้าตรง 1 ภาพ จากนั้นให้เราแบ่งสัดส่วนใบหน้าออกเป็นข้างละ 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 นับตั้งแต่บริเวณหัวตาถึงบริเวณกลางดวงตา
ส่วนที่ 2 นับตั้งแต่บริเวณกลางดวงตาถึงบริเวณหางตา
ส่วนที่ 3 นับตั้งแต่บริเวณหางตาถึงบริเวณโหนกแก้ม (ตำแหน่งที่ยื่นออกมากที่สุด)
หลังจากนั้น ให้พิจารณาตามเกณฑ์ดังนี้ค่ะ
กรณีส่วนที่ 3 แคบกว่าส่วนที่ 2
หากใครที่อยู่ในกรณีนี้ นั่นหมายความว่าโหนกแก้มของคุณไม่ได้ใหญ่ (และอาจมีขนาดเล็กหรือแคบเกินไปด้วยซ้ำ) ดังนั้นหากใครที่พอใจกับขนาดโหนกแก้มประมาณนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขค่ะ เพราะโดยรวมบนใบหน้าของคุณถือว่าสมส่วนดีแล้ว แต่บางคนก็อาจจะมีปัญหาใบหน้าดูตอบเกินไป จนอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สดใสได้ โดยในกรณีนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดไขมัน หรือผ่าตัดเสริมโหนกแก้มได้ค่ะ
กรณีส่วนที่ 3 กว้างกว่าส่วนที่ 2
สำหรับใครที่มีใบหน้าลักษณะนี้ นั่นหมายความว่าบริเวณโหนกแก้มของคุณค่อนข้างใหญ่ (แต่ถ้า ส่วนที่ 3 กว้างเกินส่วนที่ 2 ไปไม่มาก ก็ยังถือว่าโหนกแก้มมีขนาดอยู่ในเกณฑ์ปกติ) ซึ่งใครที่ใบหน้าอยู่ในเกณฑ์นี้ สามารถเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขต่อไปได้ค่ะ
ดังนั้น สำหรับใครที่เช็กแล้วพบว่าโหนกแก้มของเรามีขนาดค่อนข้างใหญ่ ต้องการแก้ไข ก็สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าได้เลยค่ะ และถ้าใครที่คุณหมอบอกว่าโหนกแก้มมีขนาดใหญ่จากปัจจัยกล้ามเนื้อ ก็สามารถฉีดโบท็อกโหนกแก้มเพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้ค่ะ
สนใจบริการโบท็อกโหนกแก้มเพื่อแก้ปัญหาโหนกแก้มใหญ่ For V Clinic คลินิกเสริมความงามชั้นนำ มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลคุณ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ For V Clinic